Investor..I need you...

บ้านเดี่ยว ถนนเลียบคลองเสาธงหิน กม ที่สอง นนทบุรี บางใหญ่ ข้างรถไฟฟ้า

อสังหาริมทรัพย์, แลกเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ใน ไทย, กรุงเทพและปริมณทล, กรุงเทพ. วันที่ ก.ย. 14

แลกเปลี่ยนที่อยู่อาศัย

GALLERY

Summer hot..hot in UK now..

31/05/2008

upset day i am..



wut happen in my country?

may be i must pray for better situation?

i still think that the new democrasy must be doing under law..

but i think that some forieners think that some of thailander donot afriad about punishment of criminal law for protect institution and govt.

high of degree in punished by push in jail all whole life..!!!

butt someone risk about that by aggressive empower by arousing and mobilise by use group dynamic forsight to objection by belief that law cannot profe ploblem?????

so i am still upset about why our law cannot stop power of direction in fail into new high institution law again and again..

i still warn that ...u need to be lost nation??

no map of thailand in this world if u still fight by no respect in law and morality...!!!!!!!!!!!!

how developt of infraconstruction and nice economic for poverty and lower gap among rich and poor??

no modurator?

no compromise?

no democrasy way??

strange thing!!

every organizes try to safe people..

but wut happen about political??

i had been upset about why our country have low budget about explore and burst information about how govt.do and done for local poverty..show out how tranlicent and fair...and not only took budget inside central...how govt. show that management in public r battle of corupsion..

bad information make people not clear..

they travel to c by themseves and cannot back home by high level power of motivation..

if everybody know how right and duty they must get...they still at home ...show power by no aggressive ...better..

only think that negotiate better....

why criminal cannot weight in my country..

i still not understand that why political in thailand donot fear law??

it cannot punnish or process of law r too slow to judgdt crisis??

sugarcane

139/2550 - บัวแก้ว – มหาดไทยร่วมมือกับรัฐบาลกัมพูชาเดินหน้าโครงการการพัฒนาเด็กเคลื่อนที่และโครงการจัดตั้งหมู่บ้านตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
April 18, 2007, 2:59 pm

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2550 นายอิทธิพร บุญประคอง รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ และนายนิรันดร์ จงวุฒิเวศย์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทย เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการดำเนินโครงการการพัฒนาเด็กเคลื่อนที่บนถนนหมายเลข 67 (สะงำ - อันลองเวง - เสียมราฐ) ในจังหวัดอุดรมีชัย และโครงการจัดตั้งหมู่บ้านตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบนถนนหมายเลข 48 (เกาะกง - สแรอัมเบิล) ในจังหวัดเกาะกงของกัมพูชา ตามที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาได้เห็นชอบร่วมกันไว้


การดำเนินโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชา และเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ


โครงการการพัฒนาเด็กเคลื่อนที่ฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้บิดามารดา/ผู้ปกครองเด็กที่อาศัยอยู่ในชุมชนบริเวณถนนหมายเลข 67 (สะงำ - อันลองเวง - เสียมราฐ) ได้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี ให้เหมาะสมตามวัยและสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น รวมทั้งมีพัฒนาการที่สมบูรณ์และแข็งแรงทั้งทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา โดยเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือทางวิชาการพัฒนาชุมชนเขตที่ 11 และสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ จะเข้าไปดำเนินการในลักษณะเคลื่อนที่ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2550 โดยทำการคัดเลือกอาสาสมัครเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมตามหลักวิชาการเพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์แก่บิดามารดา/ผู้ปกครองของเด็กต่อไป ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการนำร่องเพื่อปูทางไปสู่การจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กอย่างถาวรต่อไปในอนาคต


โครงการจัดตั้งหมู่บ้านตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงฯ เป็นโครงการที่มุ่งส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ของประชาชนในชุมชนเป้าหมายบริเวณถนนหมายเลข 48 (เกาะกง - สแรอัมเบิล) ตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


การดำเนินโครงการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ของไทยเพื่อช่วยในการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านให้ดีขึ้น อันจะช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และนำไปสู่การเสริมสร้างความเข้าใจกันระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศในที่สุด ทั้งนี้ ศูนย์ช่วยเหลือทางวิชาการพัฒนาชุมชนเขตที่ 2 และสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดตราด จะเริ่มดำเนินโครงการฯ ในช่วงเดือนเมษายน - กันยายน 2550


ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนแก่กัมพูชาในการพัฒนาถนนหมายเลข 48 และหมายเลข 67 เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงภาคตะวันออกของไทยกับภาคตะวันตกของกัมพูชา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของไทยกับภาคเหนือของกัมพูชา โดยนอกจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับกัมพูชาแล้ว ยังช่วยส่งเสริมการไปมาหาสู่กันซึ่งนำไปสู่การแลกเปลี่ยนในรูปแบบต่าง ๆ ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ อาทิ การนำผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ท้องตลาด การแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา สาธารณสุข วัฒนธรรม ฯลฯ


ดังนั้น การดำเนินโครงการทั้งสองข้างต้น จึงเป็นอีกความพยายามหนึ่งของรัฐบาลที่จะ “สานต่อ” ความช่วยเหลือที่ให้กับกัมพูชา และช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชนกัมพูชาในท้องถิ่น เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อันเกิดจากการพัฒนาถนนหมายเลข 48 และ 67 ได้อย่างเต็มที่ต่อไปในอนาคต


เมื่อปี 2549 กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมเอเชียตะวันออกและกรมการพัฒนาชุมชนได้ร่วมมือกันจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนบนถนนหมายเลข 67 ที่หมู่บ้านโอกีกันดาล ตำบลลุมโตง อำเภออันลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้านการพัฒนาแก่ประชาชนกัมพูชาให้สามารถพัฒนาชุมชนของตนบนพื้นฐานของการพึ่งพาตนเอง โดยใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาชาวบ้านและทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อช่วยยกระดับฐานะความเป็นอยู่และการพัฒนาคุณภาพชีวิต


นอกจากนั้น ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตราดในการพัฒนาสถานีอนามัยอันดวงตึ๊ก อำเภอปทุมสาโก จังหวัดเกาะกง บริเวณถนนหมายเลข 48 เพื่อช่วยพัฒนาการให้บริการด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพแก่ประชาชนในท้องถิ่น และมีเป้าหมายที่จะยกระดับสถานีอนามัยดังกล่าวให้เป็นโรงพยาบาลขนาด 10 เตียง ขณะนี้ อยู่ในระหว่างการดำเนินการ
http://www.mfa.go.th/web/463.php?id=18037&lang=th

http://www.mfa.go.th/web/200.php?id=19870

http://www.becnews.com/backissue/Political/political140551.html

http://apecthai.org/2008/th/profile1.php?continentid=2&country=k3


ไทย-กัมพูชา เปิดเส้นทางหมายเลข 48 เกาะกง-สแรอัมเบิล เชื่อมเส้นทางเศรษฐกิจไทย-กัมพูชา-เวียดนาม

Source - กรมประชาสัมพันธ์ (Th)

Wednesday, May 14, 2008 07:05

ไทย-กัมพูชา เปิดเส้นทางหมายเลข 48 เกาะกง-สแรอัมเบิล ระยะทาง 152 กิโลเมตร เชื่อมเส้นทางเศรษฐกิจไทย-กัมพูชา-เวียดนาม

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรงศึกษาธิการ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย เป็นประธาน ร่วมกับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเส้นทางหมายเลข 48 (เกาะกง-สแรอัมเบิล) ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งเส้นทางหมายเลข 48 จะเชื่อมต่อกับถนนหมายเลข 4 ที่อำเภอสแรอัมเบิล สามารถเดินทางไปยังท่าเรือกรุงพระสีหนุ ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกแห่งเดียวของประเทศและในอนาคตจะเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกที่สำคัญ โดยเส้นทางนี้สามารถเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทย-กรุงพนมเปญ-นครโฮจิมินห์ เป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจด้านใต้ (Southern Economic Corridor) ในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ซึ่งจะเสริมการค้าทั้ง 3 ประเทศ เช่น นครโฮจิมินห์ จังหวัดบาเรีย-หวุงเต่า และเบียนหัว ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนาม

สำหรับเส้นทางหมายเลข 48 (เกาะกง-สแรอัมเบิล) มีความยาว 152 กิโลเมตร กว้าง 7 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 1.5 เมตร สำหรับวงเงินในการก่อสร้างประมาณ 567.8 ล้านบาท

ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

13 พฤษภาคม 2551
หัวข้อข่าว :. ไทย-กัมพูชา เปิดเส้นทางหมายเลข 48 เกาะกง-สแรอัมเบิล เชื่อมเส้นทางเศรษฐกิจไทย-กัมพูชา-เวียดนาม
ไทย-กัมพูชา เปิดเส้นทางหมายเลข 48 เกาะกง-สแรอัมเบิล ระยะทาง 152 กิโลเมตร เชื่อมเส้นทางเศรษฐกิจไทย-กัมพูชา-เวียดนาม
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรงศึกษาธิการ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย เป็นประธาน ร่วมกับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดเส้นทางหมายเลข 48 (เกาะกง-สแรอัมเบิล) ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งเส้นทางหมายเลข 48 จะเชื่อมต่อกับถนนหมายเลข 4 ที่อำเภอสแรอัมเบิล สามารถเดินทางไปยังท่าเรือกรุงพระสีหนุ ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกแห่งเดียวของประเทศและในอนาคตจะเป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกที่สำคัญ โดยเส้นทางนี้สามารถเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทย-กรุงพนมเปญ-นครโฮจิมินห์ เป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจด้านใต้ (Southern Economic Corridor) ในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ซึ่งจะเสริมการค้าทั้ง 3 ประเทศ เช่น นครโฮจิมินห์ จังหวัดบาเรีย-หวุงเต่า และเบียนหัว ที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนาม
สำหรับเส้นทางหมายเลข 48 (เกาะกง-สแรอัมเบิล) มีความยาว 152 กิโลเมตร กว้าง 7 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 1.5 เมตร สำหรับวงเงินในการก่อสร้างประมาณ 567.8 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าว : กมลพร ร่มทองคำ
http://thainews.prd.go.th/previewnews.php?tb=NEWS&m_newsid=255105130346
rewriter : ธนวัต วงศ์วิริยะวณิช





No comments:

Contributors

Powered By Blogger