Investor..I need you...

บ้านเดี่ยว ถนนเลียบคลองเสาธงหิน กม ที่สอง นนทบุรี บางใหญ่ ข้างรถไฟฟ้า

อสังหาริมทรัพย์, แลกเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ใน ไทย, กรุงเทพและปริมณทล, กรุงเทพ. วันที่ ก.ย. 14

แลกเปลี่ยนที่อยู่อาศัย

GALLERY

Summer hot..hot in UK now..

Showing posts with label thailand. Show all posts
Showing posts with label thailand. Show all posts

04/10/2008

IR and CDD move forward...but too slowly for change??

http://media.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=471&directory=1815&contents=23952

ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ฯ เปิดประตูต้อนรับ 2 หน่วยงานแรก กรมการพัฒนาชุมชน และ สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม พร้อมเข้าใช้พื้นที่ 1 ตุลาคม 51 นี้ (25/9/2008)
นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) กล่าวว่า ในวันที่ 1 ตุลาคม 2551 กรมการพัฒนาชุมชน และ สำนักกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ประเดิมย้ายเข้าใช้พื้นที่พร้อมเปิดทำการอย่างเป็นทางการ เป็น 2 หน่วยงานแรก ณ อาคารรวมหน่วยราชการ (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ และในวันที่ 6 ตุลาคม 2551 นี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะมีกำหนดย้ายเข้าพื้นที่และเปิดอย่างเป็นทางการเป็นหน่วยงานต่อไป

นายสุระชัยยังกล่าวเพิ่มเติมว่าศูนย์ราชการฯได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเกือบทั้งหมดและได้จัด เตรียมความพร้อมของงานระบบต่างๆในอาคารศูนย์ราชการไว้แล้ว อาทิ ระบบประปา ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ เป็นต้น และได้จัดเตรียมที่จอดรถและร้านอาหารไว้อำนวยความสะดวกแก่หน่วยงานต่างๆไว้อีกด้วย

ทั้งนี้ในวันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) กรมธนารักษ์ และหน่วยงานผู้เข้าใช้พื้นที่ กลุ่มที่ 2 ได้แก่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และ กรมที่ดิน จะร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ และลงนามในบันทึกข้อตกลงการส่งมอบ – รับมอบพื้นที่โดยพิธีลงนามดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้องประชุมสำนักงาน ธพส. อาคารศูนย์ประชุม สำหรับหน่วยงานอื่นๆกรมธนารักษ์จะได้เชิญมาร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงเป็นลำดับต่อไป


ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

Abstract:

This study examined organizational identification in the context of two Thai non-profit organizations: government-run Community Development Department (CDD) and privately-run Population and Community Development Association (PDA). The degree to which CDD members identified with CDD and PDA members identified with PDA was assessed by using the Organiational Identification Questionnaire (OIQ) constructed by Cheney (1982). Comparison of PDA and CDD scores on the OIQ provided findings that mirror those of previous studies of organizational identification. Specifically, the level of organizational identification among those employees who work for the privately-run social cause organiation was significantly higher than was true of the employees who work for the government organization. Thus, the private organization appears to be more effective than the government organization in successfully fostering employee identification. However, while factor analysis of the OIQ revealed three dimensions, they were not the three dimensions theorized by Cheney. Instead, within the context of Thailand, the dimensions describing organizational identification appear to reflect: Pride in Membership (life values), Fit with the Organization (social values), and Comfort Zone (personal values).\\\\[PPT]



Building Local Social Capital? The Impact of the...

CDD increase incomes of participant communities. 6. CDD improve the dynamics of how communities interact with local government. Thai Social Capital ...

siteresources.worldbank.org/INTTHAILAND/Resources/333... - Similar pages


[PPT]Community-Based Financial Institution for Grassr...

Established March 8, 1974 by CDD (1962). Government Assistance. Negotiated with Min. of Finance and National Bank of Thailand for exemption….people engage ...

www.unescap.org/pdd/calendar/PovDecade/RT%20papers/Wa... -


PRESENTATION BY DR.YOY CHAMNAN..


RESEARCH...

http://cier.uchicago.edu/reldata/reldata.htm











I AM VERY UPSET ABOUT ...SOME OF OUR CDD QUALITY LIFE AND INCOME R TOO LOW..NOT APPROPRIATE WITH THIER HIGH RESPONSIBILITY AND HIGH PERFORMANCE..SO SOME OF PEOPLE ACCUSE THAT SOME DO ABOUT CORUPTION BY POLICY ..R EASY MORE THAN FIGHT AND NEGOTIATE IN BETTER INCOME AND HIGH WELFARE ON LOW LOAN BUT GOOD WELFARE LIKE SOME INFRA CONSTRUCTOR ORGANIZATION..THEY TRY TO SAVE THIER LITTLE INCOME CASH ONLY FOR SAFE DIGNITY THAT WE SEARVE ALL PEOPLE..NOT ONLY GRASSROOT...BUT STILL STRUGGLEING IN QUALITY NICE LIFE!!!NO PRIVATE OR PERSONAL WELFARE CAR OR HOME IN LOW INFRACONSTRUCTOR AREA..IF U NEED U MUST GET LOAN THAT LOW INCOME CANNOT APPROVAL!!SOME ACCUSE THAT SOME USE PUBLIC WELFARE ASIF THIER PERSONAL WELFARE CAUSE THEY MUST CORUPTION FOR MAINTAIN DIGNITY OF HUMAN RIGHT IN RURAL ZONE!! SOME OF THEM R ACCEPT CONCEPT OF CORUPTION MORE THAN EMBARRASS ABOUT MORE WELFARE LOAN WITH LOW INCOME..PAY BIG LONG TERM COMMITMENT INTEREST WITH FINANCE INSTITUE!!!

WHY THEY CANNOT RECOGNIZE IN THIER CAREER WORTH??HOW ABOUT PLOBLEMS OF MORE BUDGET ..MORE ROUTE POSITIONS..FUTURE GROWTH PERSONEL LIKE MINISTRY LEVEL OR NON PROFIT ORGANIZE..??WE HAVE NO BIG ORGANIZE IN HIGH POWER FOR NEGOTIATE FOR BETTER FUTURE OF GRASSROOT 'S PROTECT RIGHT WITH NON PROFIT ORGANIZATION LIKE US?//


SUGARCANE IN HOPELESS DAY





เลขที่โครงการ 127/2551

ชื่อโครงการ พร้อมใจกันลุกขึ้นมาต่อสู้กับความยากจน (Stand Up and Take Action)

หน่วยงานรับผิดชอบ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1. หลักการและเหตุผล
การขจัดความยากจนและหิวโหยเป็นเป้าหมายแรกของการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (The Milennium Development Goals : MDGs.) โดยในปี 2550 องค์การสหประชาชาติได้เชิญชวนประชาชนมากกว่า 43 ล้านคนทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการฯ และให้คำมั่นสัญญาในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อร่วมกันขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไปภายในปี 2558 สำหรับประเทศไทยมีหลายหน่วยงานรวมทั้งกระทรวงมหาดไทยเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ในปี 2551 นับเป็นครึ่งทางของ MDGs. องค์การสหประชาชาติ ได้เชิญกระทรวงมหาดไทยให้เป็นหน่วยงานหลักในการรณรงค์ให้คนไทยพร้อมใจกัน ลุกขึ้นยืน เพื่อช่วยกันขจัดความยากจน

กระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชนเป็นแกนประสาน การดำเนินงานฯ โดยในระหว่างวันที่ 17 19 ตุลาคม นี้ จะเป็นห้วงเวลาที่ เราคนไทยจะพร้อมใจกันลุกขึ้นมาต่อสู้กับความยากจนให้หมดสิ้นไป ภายใต้การรณรงค์ที่มุ่งเน้นกระบวนการบริหารจัดการและกระบวนการกระจายอำนาจให้มีส่วนช่วยลดความยากจน ซึ่งทั้งสองกระบวนการอยู่ภายใต้การส่งเสริมของกระทรวงมหาดไทยและทีมงานขององค์การสหประชาชาติ ในประเทศไทย โดยให้ผู้บริหารระดับจังหวัด ท้องถิ่นและชุมชนเป็นแกนในการสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดความยากจนและเป็นแกนหลักในการจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อขจัดความยากจน โดยเฉพาะครัวเรือนยากจนต้องร่วมกันประกาศเจตนารมณ์พร้อมเอาชนะความยากจนด้วยการดำรงชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

กระทรวงมหาดไทย จึงได้จัดทำโครงการพร้อมใจกันลุกขึ้นมาต่อสู้กับความยากจน (Stand Up and Take Action) ขึ้น

2. วัตถุประสงค์

2.1 เพื่อปลุกกระแสให้คนจนลุกขึ้นต่อสู้เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยตนเอง

2.2 เพื่อผนึกกำลังของหน่วยราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในการแก้ไขปัญหาความยากจนร่วมกัน

2.3 เพื่อเผยแพร่ให้นานาชาติได้รับทราบกระบวนการพร้อมใจลุกขึ้นมาต่อสู้กับการแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศไทย

3. พื้นที่เป้าหมาย

75 จังหวัด

4. ระยะเวลา

เริ่มตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป

5. หน่วยงานที่รับผิดชอบ

5.1 กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การประปาส่วนภูมิภาค กรมการพัฒนาชุมชน )

5.2 กระทรวงสาธารณสุข

5.3 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

5.4 กระทรวงพลังงาน

5.5 กระทรวงศึกษาธิการ

5.6 กระทรวงแรงงาน

5.7 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

5.8 สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์)

6. แนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจน

6.1. ส่วนกลาง

- กระทรวงมหาดไทยร่วมกับองค์การสหประชาชาติ กำหนดกรอบทิศทาง และแผนการขับเคลื่อนงาน

- หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย จำนวน 5 หน่วยงานจะร่วมมือกันดำเนินงานตามโครงการ และหน่วยงานในกระทรวงตามภารกิจที่สำคัญ (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมการพัฒนาชุมชน)

- หน่วยงานสังกัดกระทรวง ทบวง กรมฯ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกรมประชาสัมพันธ์ จะร่วมมือกันสนับสนุนอย่างเต็มที่

6.2 ส่วนภูมิภาค

ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด บูรณาการและมอบหมายภารกิจหน่วยงานระดับจังหวัดที่เกี่ยวข้อง

7. กิจกรรมหลัก

7.1. กิจกรรมระดับจังหวัด

7.1.1 การประกาศคำมั่นสัญญา

เป็นกิจกรรมที่ ผวจ. หัวหน้าส่วนราชการ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด/ตำบล นายกเทศมนตรีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน ครัวเรือนยากจน ร่วมกันประกาศคำมั่นสัญญาที่จะร่วมกันลดความยากจน

-ภาคราชการจะร่วมมือกันสนับสนุนการแก้ปัญหาความยากจน

-ภาคประชาชน (ครัวเรือนเป้าหมาย) สัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ขยัน ประหยัด อดออม

7.1.2 การจัดกิจกรรมเดินรณรงค์

เป็นกิจกรรมที่กลุ่มเป้าหมายคือนักเรียน นักศึกษา ผู้นำสตรี ร่วมกันจัดพาเหรดเดินธงสัญลักษณ์ แจกธงติดรถ/ ถือโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างกระแสความตื่นตัว

7.1.3 คลินิกแก้จน

เป็นกิจกรรมที่ส่วนราชการจัดเพื่อให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายที่มาร่วมกิจกรรม คือ

คนจน คนว่างงาน และประชาชนทั่วไป ดังนี้

7.1.3.1 นิทรรศการ

หน่วยราชการจัดแสดงนิทรรศการ การแก้ไขปัญหาตามประเด็นเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals – MDGs) (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สาธารณสุขจังหวัด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด)

-เป้าหมายที่หนึ่ง : ขจัดความยากจนและความหิวโหย

-เป้าหมายที่สอง :ให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา

-เป้าหมายที่สาม : ส่งเสริมบทบาทสตรีและความเท่าเทียมกันทางเพศ

-เป้าหมายที่สี่ : ลดอัตราการตายของเด็ก

-เป้าหมายที่ห้า: พัฒนาสุขภาพสตรีมีครรภ์

-เป้าหมายที่หก: ต่อสู้โรคเอดส์ มาเลเรีย และโรคสำคัญอื่น ๆ

-เป้าหมายที่เจ็ด: รักษาและจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

-เป้าหมายที่แปด: ส่งเสริมการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในประชาคมโลก

7.1.3.2 การแก้ไขปัญหาความยากจน

-สถานีสอนทำบัญชีครัวเรือน ครัวเรือนยากจนเป้าหมายฝึกการทำบัญชีครัวเรือนเพื่อวิเคราะห์ตัวเอง ทำแผนชีวิต ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้(ตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัด)

-สถานีส่งเสริมการออม ครัวเรือนยากจนเรียนรู้และเข้าใจหลักการทำงานของกลุ่มออมทรัพย์ พร้อมที่จะเริ่มต้นการออมด้วยการเปิดบัญชีออมทรัพย์ จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตในพื้นที่ที่ยังไม่มีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต(กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต) (พัฒนาการจังหวัด)

-ตลาดนัดแรงงาน (แรงงานจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด) เพื่อจัดหางานให้แก่คนจน

-ตลาดนัดสุขภาพ (โรงพยาบาล และสาธารณสุขจังหวัด)

-ตลาดนัดอาชีพ (พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด วิทยาลัยการอาชีพ) ฝึกอาชีพระยะสั้น สามารถนำไปประกอบอาชีพได้

7.2. กิจกรรมระดับชุมชน (ตำบล)

7.2.1 การประกาศเจตนารมณ์ของครัวเรือนยากจน

-องค์การบริหารส่วนตำบล และส่วนราชการที่ปฏิบัติงานในตำบล ร่วมประกาศเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาความยากจนโดย

-คนจนประกาศเจตนารมณ์ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน และประกาศว่าจะเปลี่ยนแปลงตนเองโดยลด ละ เลิก อบายมุข และจะขยัน ประหยัด อดออม ในการวางแผนชีวิต

-การจัดทำบัญชีครัวเรือนของครัวเรือนเป้าหมาย (ตรวจบัญชีสหกรณ์ ธกส. ออมสิน)

-กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต (พัฒนาชุมชน) จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต และส่งเสริมให้ครัวเรือนยากจนสมัครเป็นสมาชิก

-ส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดสัตยาบันร่วมกันในการจัดทำเวทีประชาคม เพื่อวิเคราะห์ Family Folder ของครัวเรือนยากจน แล้วนำมาแก้ไขปัญหาความยากจน

7.2.2 การบริหารจัดการชุมชน

กิจกรรมการลงสัตยาบันระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับคณะกรรมการหมู่บ้าน/ชุมชน เพื่อแสดงความรับผิดชอบในฐานะกลไกการบริหารจัดการของรัฐบาลและท้องถิ่นจะร่วมกันทำหน้าที่ขจัดความยากจนของชุมชนให้หมดสิ้นไป

7.2.3 การระดมพลังชุมชน

กิจกรรมสำหรับประชาชนทั่วไปเพื่อให้ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข

เช่น จัดกิจกรรมลดการใช้รถยนต์ ลดการใช้ถุงพลาสติก ระดมสิ่งของเหลือใช้จากคนรวยช่วยคนจน ปลูกพืชสมุนไพรใช้เพื่อสุขภาพ การฝึกซ้อมการอพยพในกรณีเกิดปัญหาอุบัติภัย

8. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

8.1. ทุกภาคส่วนร่วมมือกันขจัดปัญหาความยากจนให้หมดสิ้นไป

8.2. ครัวเรือนยากจนมีการพัฒนาตนเองและครอบครัว

8.3. ชุมชนมีศักยภาพสามารถดูแลและแก้ไขปัญหาครัวเรือนยากจนในชุมชนได้ตรงตามความต้องการ

8.4 ประชาสัมพันธ์ให้คนในชาติและนานาชาติได้รู้ถึงการแก้ไขปัญหาความยากจนของประเทศไทย

9. ผู้เสนอโครงการ……………………………………………………………………………………

(นายสุชาติ สุวรรณ)
รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน

10. ผู้ให้ความเห็นชอบโครงการ………………………………………………………………………

(นายปรีชา บุตรศรี)
อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน

11.ผู้อนุมัติโครงการ ............................................................................................................................
(..................................................)

ปลัดกระทรวงมหาดไทย


28/09/2008

sugarcane will be in Vientian next week...loas loas!!










next week my division annual seminar be place at nongkai province and vientaine in loas...after 2008 budget year of thai goverment ...our division got high responsibility in hard core tasks from goverment...although we cannot win the reward of IPA prize from committee but we r pround that all of us had done best success annual target and we work not only for self BUT WE DO FOR PUBLIC BENEFIT also..!! Technical Supporting and Plan division r the best modeling of nice high risk management of monitor and evaluate team sub division....very cool public administration zone....great academic knowledge management zone of CDD sub division ...smart team of budget plan sub division and we ...small group of international relation sub division r really full supporting for all divisions and thai cdd provinces of CDD...we will change the world with nice high morality and best humanity right 's grassroot protect policy and real practice department of thailand...move for better change!!...that r our ultimate goal!!!!!!!!!!!!!
CDD THAILAND!!!

sugarcane on birth day!!

46 yrs old now!!as my CDD!!
move forward for next 47 !!
when civil centre is complete constructor...we move!!!for better chance and place ..really better hope of CDD goal also...pack all bagages and instruments and walk around for farewell nice holy spiritual around..new place is so cool ..nice space and area..cool technology..lthough low convenione and bad space of personal specefic field for IR TEAM..but we got great annual seminar for our division in VIENTAINE..high commitment..still.

http://www.ampactours.com/Laos/Laos-tours/Best_sic_Laos.html

Laos is a small, sleepy little landlocked country that looks like it missed most of the 20th century. Vientiane, the capital city sits in a bend of the Mekong River amidst fertile alluvial plains. Vientiane (pronounced 'Vieng Chan' by the locals) is a laid-back city with interesting wats (temples) and lively markets. Visit the mysterious "Plain of Jars" the name given to a large area extending around Phonsavanh where huge jars (up to 1 ton each) of unknown origin are scattered about in at least a dozen groupings. It is one of the most intriguing sights in Laos. Then visit the ancient capital city of Luang Prabang. Famous for its historic temples and beautiful setting surrounded by mountains, Luang Prabang was designated a UNESCO World Heritage Site in 1995. Enjoy a boat trip on the Mekong River to Pak Ou Caves with thousands of Buddha images.

16/09/2008

3rd ACMECS Summit ,Hanoi ..this november 2008



http://www.acmecs.org/

http://www.acmecs.org/index.php?id=125



which issues or suggestion our CDD vision or plan to consult or exchange in this next summit in Hanoi?
5 nations try to fight together for next boom of fund ,trade and tourism idea and many progress project in cooperations now..how we fulfil all theses hope?
our CDD job can affiliate all theses points if we have nice relation together,,,help together for people by these 3 rivers like same instinct in whole blood ...we can success together?
everybody or nations need benefits together for next development best commune of south east ASIA...we need strong goverment to help people...donot leave people for time of vaccuum...try to help all mobilize in economic success...wheel of life must go on...do not stop all progress of public benefit for only personal benefit...stand by and equal with your people...people need sustain nice goverment for next close cooperate between nations...start at ACMECS...and run to commune of this world...tight in hand by hand together for good ...up to better chance...may i ask too much ...again???

sugarcane in empthy day again..


About ACMECS

At the special ASEAN Summit on SARS, held in Bangkok on 29 April 2003, Prime Minister Thaksin Shinawatra raised the idea of establishing what was then called the “Economic Cooperation Strategy, with leaders of Cambodia, Lao PDR and Myanmar.

The objectives of this new initiative are to bridge the economic gap among the four countries, and to promote prosperity in the sub-region in a sustainable manner. Such prosperity will not only benefit the four countries, but also add value to ASEAN and its solidarity. Stronger Cambodia, Lao PDR, Myanmar and Thailand will also mean stronger ASEAN. It is in this way that the new cooperation framework will act as a building block and move ASEAN forward at a more even pace, on the basis of self-reliance and shared prosperity.

Leaders of Cambodia, Lao PDR, Myanmar and Thailand met for the first time on 12 November 2003 in Bagan, the Union of Myanmar. At the Summit, the four Leaders adopted the Bagan Declaration, affirming their commitment to cooperate in five priority areas of cooperation, and endorsed the Economic Cooperation Strategy Plan of Action, under which 46 common projects and 224 bilateral projects were listed for implementation over the next ten years. The Leaders agreed to call this newly created economic cooperation framework the “Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy or ACMECS”.

The joining of Vietnam to the group on 10 May 2004 has made ACMECS with 5 member countries. The emphasis of ACMECS is on using self-help and partnership to achieve sustainable development, including poverty reduction, in line with the UN Millennium Development Goals

ACMECS will act as a catalyst to build upon existing regional cooperation programs and complement bilateral frameworks with a view to transform the border areas of the five countries into zones of economic growth, social progress and prosperity, and to blend local, national and regional interests for common benefits, shared prosperity, enhanced solidarity, peace, stability and good neighborliness.

ACMECS activities shall be: complementary to and enhancing the existing bilateral and regional economic cooperation; deliverable with tangible results, utilizing comparative advantages of each country; feasible and acceptable to the countries concerned; and, undertaken on the basis of voluntarism, consensus, and equitable sharing of benefits.

ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง

ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม
(ACMECS: Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy หรือ ECS:Economic Cooperation Strategy) เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับอนุภูมิภาคที่จัดตั้งขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากความแข็งแกร่งและความหลากหลายของทั้งห้าประเทศสมาชิกเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างสมดุล

แนวคิดพื้นฐานมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า หากรวม GDP ของไทย กัมพูชา ลาว และพม่าเข้าด้วยกัน สัดส่วนของไทยจะเป็นร้อยละ 91 ส่วนอีกสามประเทศรวมกันเป็นร้อยละ 9 เท่านั้น (ข้อมูลปี 2546) ในอนาคต หากไทยยังคงการเติบโตเช่นในปัจจุบันต่อไปอีก 5 ปี สัดส่วน GDP ของไทยอาจเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 95 และปัญหาสืบเนื่องจากความแตกต่างทางเศรษฐกิจจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ไทยเห็นความสำคัญของความร่วมมือและการ
ลงทุนเพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ในประเทศเพื่อนบ้านทั้งสาม เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน จึงได้ริเริ่มแนวคิดการดำเนินงานพัฒนาความร่วมมือเพื่อยกระดับเจริญทางเศรษฐกิจร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านเจริญเติบโตมากขึ้น ไม่มีความแตกต่างกับไทยและประเทศสมาชิก ASEAN อื่นๆ มากนัก
พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกแนวคิดนี้ขึ้นหารือกับผู้นำกัมพูชา ลาว และพม่า เมื่อ 29 เมษายน 2546 ในนาม ECS จากนั้น กรอบความร่วมมือนี้ก็ได้มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง จนมีการประชุมในระดับผู้นำ (Summit) เป็นครั้งแรกเมื่อ 12 พฤศจิกายน 2546 ที่เมืองพุกาม สหภาพพม่า และที่ประชุมผู้นำ (จากกัมพูชา ลาว พม่า และไทย) ได้ตกลงให้ปรับเปลี่ยนชื่อ ECS เป็น ACMECS
ต่อมา เวียดนามได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก ACMECS เมื่อ 10 พฤษภาคม 2547

ยุทธศาสตร์ ACMECS มีเป้าประสงค์เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน ก่อให้เกิดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้นตามแนวชายแดน ส่งเสริมการเคลื่อนย้ายภาคอุตสาหกรรม การเกษตรและการผลิตไปยังบริเวณที่มีความได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (comparative advantage) สร้างโอกาสในการจ้างงานลดความแตกต่างของรายได้ ส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งร่วมกันอย่างยั่งยืน

เกี่ยวกับ ACMECS

ภูมิหลัง ACMECS
ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิระวดี เจ้าพระยา แม่โขง (ACMECS : Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy) ระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม หรือชื่อเดิม ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า ไทย (ECS : Economic Cooperation Strategy among
Cambodia, Lao PDR, Myanmar and Thailand) คือ กรอบความร่วมมือระหว่าง 5 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม ACMECS เป็นแนวคิดที่ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกขึ้นหารือกับผู้นำกัมพูชา ลาว และพม่า ในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโรค SARS เมื่อ 29 เมษายน 2546 ที่กรุงเทพฯ และได้รับการสนับสนุนในหลักการจากผู้นำประเทศเพื่อนบ้านทั้งสามดังกล่าว และได้มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจนถึงการประชุมระดับผู้นำ ACMECS ที่เมืองพุกาม สหภาพพม่า เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2546 ซึ่งผู้นำทั้ง 5 ประเทศร่วมกันออกปฏิญญาพุกาม
(Bagan Declaration) รวมทั้งแผนปฏิบัติการ (Plan of Action) ครอบคลุมความร่วมมือ 5 สาขา ได้แก่
1. การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน
2. ความร่วมมือด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม
3. การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม
4. การท่องเที่ยว และ
5. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

บนหลักการที่เน้นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การสร้างงาน โดยมีกิจกรรมที่เห็นผลเร็ว มุ่งผลประโยชน์ร่วมกัน และเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมความเจริญทางเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งส่งเสริมให้นานาประเทศนอก ACMECS และองค์การระหว่างประเทศได้มีส่วนร่วมเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาในโครงการต่างๆ ของACMECS ด้วย
ต่อมา เวียดนามได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกเมื่อ 10 พฤษภาคม 2547 เพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคงและสันติสุขในอนุภูมิภาคให้เป็นไปอย่างสอดคล้องและเสริมประโยชน์กันมากยิ่งขึ้น

เป้าประสงค์หลักของ ACMECS คือ
เพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันและก่อให้เกิดความเจริญเติบโตมากขึ้นตามแนวชายแดน
เพื่ออำนวยความสะดวกให้มีการเคลื่อนย้ายอุตสาหกรรมเกษตรและการผลิตไปยังบริเวณที่มีความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ
เพื่อสร้างโอกาสการจ้างงานและลดความแตกต่างของรายได้ในหมู่ประเทศทั้งสี่
เพื่อส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งร่วมกันสำหรับทุกฝ่ายในลักษณะที่ยั่งยืน

กิจกรรมภายใต้ ACMECS มีลักษณะ ดังนี้
สอดคล้องและส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคีและภูมิภาคที่มีอยู่แล้ว
ปฏิบัติได้โดยมีผลที่เป็นรูปธรรม โดยใช้ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของแต่ละประเทศ
ทำได้จริงและเป็นที่ยอมรับได้โดยประเทศที่เกี่ยวข้อง
ยึดหลักการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างสมัครใจและทัดเทียมกัน
ยึดหลักฉันทามติระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

ACMECS มีโครงการร่วม (common projects ดำเนินงานร่วมกัน 3 ประเทศขึ้นไป โดยประเทศสมาชิกที่เหลือ
ไม่ขัดข้อง) จำนวน 46 โครงการ และโครงการทวิภาคี (bilateral projects ดำเนินงานร่วมกัน 2 ประเทศ)
จำนวน 224 โครงการ ภายใต้ความร่วมมือ 5 สาขา
ได้แก่
1. การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Facilitation)
2. ความร่วมมือทางด้านเกษตรและอุตสาหกรรม (Agricultural and Industrial Cooperation)
3. การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม (Transport Linkages)
4. การท่องเที่ยว (Tourism Cooperation)
5. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Development)

กลไกการทำงานของ ACMECS
ที่ประชุมผู้นำ ACMECS เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2546 มีมติให้จัดการประชุมระดับผู้นำกันทุก 2 ปี และให้รัฐมนตรี
ต่างประเทศประชุมกันทุกปี เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการตาม Plan of Action ที่ได้ตกลงร่วมกัน
ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2546 มีการประชุมระหว่างประเทศสมาชิกแล้ว ดังนี้

15 กรกฎาคม 2546 การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (SOM) ที่เวียงจันทน์ ลาว

31 กรกฎาคม 2546 การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอย่างไม่เป็นทางการ (informal SOM) ที่กรุงเทพฯ

1 สิงหาคม 2546 การประชุมระดับรัฐมนตรี (รัฐมนตรีต่างประเทศ) (MM) ที่กรุงเทพฯ

27 สิงหาคม 2546 การประชุมคณะทำงานยกร่าง Plan of Action และโครงการ ที่เมืองเสียมราฐ กัมพูชา

30 กันยายน – 1 ตุลาคม 2546 การประชุมคณะทำงานยกร่างโครงการร่วมและโครงการทวิภาคีใน Plan of Action ที่กรุงเทพฯ

27 ตุลาคม 2546 การประชุมระดับรัฐมนตรี (รัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้า) ที่กรุงเทพฯ

10 พฤศจิกายน 2546 การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (SOM) ที่กรุงย่างกุ้ง พม่า

10 พฤศจิกายน 2546 การประชุมระดับรัฐมนตรี (รัฐมนตรีต่างประเทศ) (MM) ที่กรุงย่างกุ้ง พม่า

12 พฤศจิกายน 2546 การประชุมผู้นำ ACMECS ที่เมืองพุกาม พม่า

- - - - - (10 พฤษภาคม 2547 เวียดนามเข้าเป็นสมาชิก ACMECS) - - - - -

3 – 4 มิถุนายน 2547 การประชุมเชิงปฏิบัติการ ACMECS Workshop on Enhancing the Competitiveness of
the Planning Agencies in Cambodia, Lao PDR, Myanmar and Thailand โดยมีเจ้าหน้าที่

ระดับปฏิบัติ / วางแผนเข้าร่วมจากกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และไทย ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

18-19 สิงหาคม 2547 การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่กรุงย่างกุ้ง พม่า

1-2 พฤศจิกายน 2547 ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสสมัยพิเศษและการจัดประชุมรัฐมนตรี
ต่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการ (ACMECS Special SOM and Ministerial Retreat) ที่
จ.กระบี่ โดยมีผู้แทนจากประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (development partners) จาก
ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB: Asian
Development Bank) เข้าร่วมการประชุมทั้งสองวาระดังกล่าวด้วย

ในปี 2548 กัมพูชาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และระดับรัฐมนตรีในวันที่ 4-5 ส.ค. โดยไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำครั้งที่ 2 (The 2nd ACMECS Summit) ในวันที่ 1-3 พ.ย.

กลไกของฝ่ายไทย
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2546 ให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศ
เพื่อนบ้าน
(อพบ.) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ได้มีคำสั่งที่ 4 / 2547 เมื่อ 6 พฤษภาคม 2547 จัดตั้ง อพบ. แล้ว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐและ

เอกชนเป็นอนุกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กับกระทรวงการต่างประเทศ เป็นอนุกรรมการและฝ่ายเลขานุการ

อพบ. มีหน้าที่พิจารณากลั่นกรองเสนอแนะนโยบาย แผนงานและโครงการตามแผนงานการจัดระบบเศรษฐกิจตามแนวชายแดนและการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงาน ACMECS ด้วย

ทั้งนี้ ในส่วนของ ACMECS มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สำนักวางแผนเศรษฐกิจมหภาค) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับหน่วยงานภายในของไทยให้ดำเนินงานเป็นไปตามแผนปฏิบัติการ และ
กระทรวงการต่างประเทศ (กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ) เป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับประเทศสมาชิก ACMECS
และ Development Partners ต่างๆ

ตัวอย่างโครงการร่วมของ ACMECS ที่มีการดำเนินงานคืบหน้านับตั้งแต่การประชุมระดับผู้นำ ACMECS
I. Trade and Investment Facilitation
- Expansion of the coverage of AISP offered by Thailand ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกษตร
8 รายการจากกัมพูชา ลาว และพม่า ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2547 ประกอบด้วย มันฝรั่ง (potato),
ถั่วลิสง (peanut), ถั่วเหลือง (soybean), ข้าวโพดหวาน (sweet corn), ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (maize), เมล็ดละหุ่ง
(castor bean, castor oil seed), ไม้ยูคาลิปตัส (eucalyptus), เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ (cashew nut) และเพิ่มพิเศษ
ให้ลาว อีก 1 รายการ คือ ลูกเดือย (pearl barley)
- Conduct a feasibility study on the establishment of wholesale and export markets at the border areas.
อยู่ระหว่างดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์ (ในปี 2547 เป็นการทำ FS ในกัมพูชา คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในต้นปี 2548 และจะดำเนินงานทำ FS ในลาวและพม่าในปี 2548)
- Promotion of export oriented investment opportunities to enhance investment. อยู่ระหว่างดำเนินการโดย กนอ. และ BOI

II. Agricultural and Industrial Cooperation
- Conduct a feasibility study on cooperation in agriculture, particularly cash crops such as soybean,
maize, coffee, beans, and livestock.
อยู่ระหว่างดำเนินการโดย กษ.
- Contract farming in Agricultural Products.
อยู่ระหว่างดำเนินการโดย กษ. และ กต.

III. Transport Linkages
- Construction projects of roads and bridges connecting ACMECS countries.
อยู่ระหว่างดำเนินการโดย ทล. สศค. และ กต.
- Feasibility study of additional routes and corridors that will encourage economic activities
among CLMTV countries and nearby economies such as China and India.
อยู่ระหว่างดำเนินการโดย ทล. และ กต.

IV. Tourism Cooperation
- Arrangement of cross-border overland tours, caravan tours, cross country tours and bicycle tours.
ดำเนินการแล้วโดย กกท. และ กต.
- Facilitation of travel, such as visa on arrival, entry permit at the border entry points, and the
arrangement to establish ACMECS joint visa.
อยู่ระหว่างดำเนินการโดย กต. มท. และหน่วยงานด้านความมั่นคง
- Opening of potential border entries.
อยู่ระหว่างดำเนินการโดย กต. มท. และหน่วยงานด้านความมั่นคง

V. Cooperation on Human Resource Development
- Training courses in Thailand on topics related to five strategic areas of ACMECS cooperation
for CLMTV countries in order to enhance capacity building skill of ACMECS member countries.
ดำเนินการแล้วโดย กต. และ ทล.
- Provision of 100 scholarships for general education in schools and universities in Thailand.
ดำเนินการแล้วโดย กต.

โครงการทวิภาคีของ ACMECS

เน้นการดำเนินงานผ่านการสถาปนาเมืองคู่แฝด (sister cities) ระหว่างประเทศสมาชิก โดยให้หน่วยงานท้องถิ่นของเมืองคู่แฝดได้มีการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน

สรุปแนวทางพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ (ไทย กัมพูชา) จากแผนปฏิบัติการ ACMECS

เป้าหมายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
1. เขตประกอบการอุตสาหกรรม เขตการผลิตร่วม เน้นใช้ GSP วัตถุดิบ และแรงงาน
2. Logistics Industry
3. เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว
4. ตลาดกลางสินค้าเกษตรร่วม
5. เชื่อมโยงธุรกิจบริการ
6. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน

รายชื่อ Sister Cities
1. ตราด เกาะกง
2. อรัญประเทศ ปอยเปต
3. บ้านผักกาด ไพลิน
4. ช่องจอม ภูมิสำโรง
5. ช่องสะงำ อันลองเวง

สรุปแนวทางพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ (ไทย ลาว) จากแผนปฏิบัติการ ACMECS

เป้าหมายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
1. เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว
2. เขตประกอบการอุตสาหกรรม เขตการผลิตร่วม
เน้นใช้ GSP วัตถุดิบ และแรงงาน
3. Logistics Industry
4. เชื่อมโยงธุรกิจบริการ
5. ตลาดกลางสินค้าเกษตรร่วม
6. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน

รายชื่อ Sister Cities
1. เชียงแสน บ้านต้นผึ้ง
2. มุกดาหาร สะหวันนะเขต
3. เชียงของ บ้านห้วยทราย
4. นครพนม ท่าแขก
5. ช่องเม็ก ปากเซ
6. ห้วยโก๋น เมืองเงิน
7. หนองคาย ท่านาแล้ง

สรุปแนวทางพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ (ไทย พม่า) จากแผนปฏิบัติการ ACMECS

เป้าหมายกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
1. เชื่อมโยงธุรกิจบริการ การค้า ธุรกรรมเงินตรา
Account Trade
2. Logistics Industry : ขนส่ง
3. ตลาดกลางสินค้าเกษตรร่วม
4. เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว
5. เขตประกอบการอุตสาหกรรม เขตการผลิตร่วมเน้นอุตสาหกรรมใช้แรงงาน
6. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน

รายชื่อ Sister Cities
1. แม่สาย ท่าขี้เหล็ก
2. แม่สอด เมียวดี
3. ระนอง เกาะสอง
4. เจดีย์สามองค์ พญาตองซู
5. กาญจนบุรีทวาย
6. บางสะพาน บ๊กเปี้ยน

ยุทธศาสตร์ของไทยต่อ ACMECS
เพิ่มขีดความสามารถและสร้างฐานการผลิตตามแนวชายแดนและพื้นที่เชื่อมโยงในลักษณะเกื้อกูลซึ่งกันและกัน (complementary) ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรมและบริการ โดยดำเนินการร่วม
ในระดับรัฐ รัฐ / เอกชน เอกชน / รัฐ เอกชน / ประชาชน - ประชาชน
ย้ายฐานการผลิตจากไทยสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก / อุตสาหกรรมที่ใช้
วัตถุดิบของประเทศเพื่อนบ้าน / ธุรกิจการเกษตรเพื่อผลิตวัตถุดิบส่งมายังอุตสาหกรรมแปรรูปในไทย
สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชนไทยและประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะพื้นที่ตลอดแนวชายแดน
และเมืองหลักของเพื่อนบ้าน
เสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ความร่วมมือและความสำเร็จทางเศรษฐกิจ
เป็นปัจจัยเชื่อมโยงกับการสนับสนุนการเจรจาหารือเพื่อขจัดอุปสรรคของความร่วมมือด้านการเมือง ความมั่นคง สังคม และอื่นๆ
เป็นยุทธศาสตร์เชื่อมโยง GMS และ BIMST-EC รวมทั้งเป็นช่องทางเพิ่มพูนความร่วมมือกับนานาประเทศและ
องค์การระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาคให้ดีขึ้น


สาขาความร่วมมือ

ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ให้ความสำคัญกับกิจกรรมใน 5 สาขาความร่วมมือหลัก ได้แก่

* การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน
- เพื่อใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของประเทศที่เกี่ยวข้อง
- เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการไหลเวียนของสินค้าและการลงทุนเพื่อให้เกิดการจ้างงาน
- เพื่อสร้างรายได้และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสังคม

* ความร่วมมือด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม
- เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมโดยสร้างและพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน จัดสรรการผลิต การตลาด และการจัดซื้อร่วมกัน การวิจัยและพัฒนา และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน

* การเชื่อมโยงการขนส่ง
- พัฒนาและใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
- อำนวยความสะดวกสำหรับการค้า การลงทุน เกษตรกรรม การผลิตทางอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว

* ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว
- ส่งเสริมยุทธศาสตร์ร่วมสำหรับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
- อำนวยความสะดวกการท่องเที่ยวในหมู่ทั้งสี่ประเทศและจากภูมิภาคอื่นๆ

* การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
- ส่งเสริมการเสริมสร้างขีดความสามารถของคนและสถาบัน
- ริเริ่มมาตรการเพื่อพัฒนายุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาค

2nd ACMECS Summit 1-3 November 2005, Bangkok, Thailand



from สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ



08/09/2008

home\land for rent and sell ,nice convenient around


i live in bangyai district also far away from big highway about 2 or 5 kilometres
i live back of carflor convenient store at bangyai branch about 2 kilometres from big west wing highway
if u recommend my home for rent for your foriener friend, it will better for me..i will give u commission for this business also

home for rent ,nice convenient around,no furniture ,but got all road,electric,water,with big garden in future
house with 2 bedroom,1 restroom
152 sq wah or about 200 sqm area space by canal and big nice road...short cut into nakorn pa thom province also..
15 minutes from southern terminal bus,future sky train in front of your home only 3 kms
i live at bangyai district, nonthaburi province,thailand
behind jet oil pump bangyai 2 kms.
contact me at
66894761105
66860040587
6628854451
sugarcaneSugar2229.jpgAncient animator1910.jpg
my picture of home here
my webpage about me and my home and other business and investment here
rent per month about 20000 baths up ,full condition on contract deal together
forward fee money for damage garuntee 100000 baths, and forward 6 months rental fee 12000 baths
with one air condition and kitchen,big garden
nice negotiate for contract
or contact deal with my father here For more information Please call
Mr.Sawasdi Dhanachaidham THAILAND CODE +66899514205

OR ME MYSELF OVERHERE sukunyaoilt@hotmail.com
my father had been work world wide,speak english fluent
and u can contact for rent or buy his land and resort at chiangmai province also

เสียตังค์ถมที่หน้าบ้านตรงริมถนนใหญ่ไปเยอะเหมือนกัน เพราะต้องการทำลายหญ้าไม่ให้รก เพราะมันทำให้เกิดอุบัติเหตุง่าย ตามที่ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงและท้องถิ่นเขาขอกันมา เป็นหนี้ยังไม่มีจะใช้ก็มี แย่เหมือนกัน กะทำรั้วทำกำแพง เร็วๆนี้แต่ยังกระเป๋าแห้งอยู่ ความที่ ไม่อยากให้มีอุบัติเหตุถึงชีวิตก็มี เสียหายก็มาก เพื่อให้ทัศนวิสัยการเข้าออกจากซอยและคนเดินถนนมันกระจ่าง พวกที่รถใหญ่มากๆ จะได้ไม่มาชนคน สัตว์ ที่ต้องอาศัยเดินตามไหล่ถนน ความที่ติดริมถนน ติดให้เช่า แต่ยังไม่มีคนมาเช่า มีแต่พวกมาติดป้ายโฆษณาขายบ้านจัดสรร ป้ายโตๆ ถามว่าทำไมรุกเข้ามาในที่ที่เราถม ก็อ้างว่าติดไหล่ทางตามที่ท้องถิ่นอนุญาต บ้านมันจะขายได้ ไม่เห็นต้องติดป้ายให้มันเกะกะ ใหญ่โตมากมายขนาดนี้ รึว่ามันได้ตังค์ค่าภาษีป้ายเยอะ? แต่ก็แปลก ภาษีป้ายที่นี่ได้เงินดีกว่าการที่เก็บจากภาษีการขายอาคารหรือที่ดินหรือเปล่าก็ไม่รู้ หลังหนึ่งขายได้ แปดแสนถึงสามล้านขึ้น หักให้ท้องถิ่นสักห้าสิบเปอร์ซ็นต์ ผู้ประกอบการเขายินดีหากมีการบริหารอย่างโปร่งใสก็ได้เมืองน่าอยู่ โดยที่ไม่อายเขตปกครองพิเศษเลยละ พวกที่อยู่ทางประเทศตะวันตกก็รู้กันทั้งนั้น ว่ารัฐบาลเขาเก็บภาษีผู้มีอันจะกินมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ผู้ที่เขาด้อยกว่าได้ทั้งนั้น คนไม่จำเป็นต้องไปกระจุกอยู่แต่ในเมืองหลวงให้เป็นภาระกับผู้ว่ากอทอมอเขาอย่างนี้ แต่ก็แปลก เห็นมีป้ายใหญ่ ติดริมถนนบังทัศนวิสัยทางเข้าออกสาธารณะก็ได้ด้วย ตอนเราลงทุนตัดหญ้า ถมที่ให้มันสะอาดริมถนน เพราะอยากให้มันโล่งๆ มองเห็นง่าย ป้องกันไม่ให้รถ16ล้อถมดินหรือก่อสร้างหรือรถอื่นที่วิ่งเร็วๆ วิ่งมาทับคนทับสัตว์ หรือน้ำหนักมากเกินไป จนถนนของทางหลวงชนบทพังแล้วพังอีก ซ่อมแล้วซ่อมอีก เพราะมันเป็นถนน2เลนในเขตออบอตอ แต่มีหมู่บ้านราคาแพงอยู่ด้านในเพียบเลย ไม่รู้ว่ารายได้ของส่วนท้องถิ่นที่นี่จะใกล้พัฒนาเป็นระดับเทศบาลหรือเขตปกครองพิเศษกันหรือยัง เพราะตอนอยู่ในเขตกอทอมอไม่มีการดิดป้ายเกลื่อนแบบนี้ สงสัยว่าปริมณฑลคงต้องรอเหงือกแห้ง เพราะไม่มีอำนาจต่อรองเอาเงินภาษีจากผู้ประกอบการตรงๆ หนักๆ เสียที ในเมื่อมาอาศัยท้องถิ่นหากิน น่าจะจ่ายตรงๆให้ท้องถิ่นแบบที่มันตรงๆโปร่งใสหน่อย เขาจะได้เอาเงินที่ท่านทำกำไรได้ มาทำไหล่ทาง ทางเดิน ทางจักรยาน สวนสาธารณะอะไรอย่างนี้ ให้คนที่เขาอาศัยนอกหมู่บ้านจัดสรรได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกะเขาบ้าง ทำท่อระบายน้ำให้ทั่วถึงอะไรอย่างนี้ สาธารณูปโภคให้มันทัดเทียมเขตปกครองพิเศษเขามั่ง รอส่วนกลางเงกแบบนี้ ก็ไม่พ้นเอาเงินภาษีส่วนใหญ่ของประเทศไปปรนเปรอเมืองหลวงเมืองเดียวหมด หาเสียงกลายเป็นว่า ไม่ต้องมีการกระจายความเจริญมาหรอก รอบรั้วกอทอมอเพียงแค่5-10กิโลเมตร แต่infraconstructure สาธารณูปโภคพื้นฐานทัดเทียมกับบ้านป่าบนดอยปานฉะนั้น วันหนึ่งไปเที่ยวตามพื้นที่ในเขตแถวอำเภอเมือง พระเจ้าช่วย ปรากฏว่าหลังห้างใหญ่ยังมีถนนส่วนบุคคลหรือของเทศบาลเมืองไม่ทราบ พังวินาศประดุจอยู่ห่างเขตปกครองพิเศษเพียง2กิโล และห่างสะพานหรูที่ใกล้จะเปิดนิดเดียว มิน่าคนแห่ไปสุมรวมกันในกอทอมอ แต่ไม่ยอมย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ เวลาใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็กลับภูมิลำเนากันที กอทอมอประชากรแฝงเยอะจริงๆ มลพิษสิ่งแวดล้อมแย่สุดๆ แทนที่จะกระจายความเจริญออกมา กระจายอำนาจ กระจายเงิน มาให้ท้องถิ่นเขาบ้าง ถามพวกญาติตามต่างจังหวัด พบว่าความที่ลูกหลานหนีไปทำงานในเมืองหมด ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคพื้นฐานทุกชนิดแพงหมด น้ำมัน ไฟฟ้า ประปา ทั้งหลาย กว่าจะต่อรองให้ได้มีใช้แทบแย่ แพงด้วย เพราะเหตุผลในเรื่องความหนาแน่นของประชากร ก็ประชากรที่ไหนมันจะไปไหว ทั้งนักเรียน คนทำงาน ลองไม่มีการคมนาคมขนส่ง ถนน น้ำ ไฟ ดีๆ พวกเขาก็หนีมาอยู่หอพัก เช่าบ้าน และซื้อบ้านอยู่ในเขตปกครองพิเศษกันหมด คนมันแน่น เลย แทนที่จะเพิ่มมูลค่าให้ความสะดวกสบายกับคนนอกพื้นที่ ที่เกิดในต่างจังหวัด จะได้อาศัยอยู่นอกเมืองและไปทำงานในเมืองหรือใกล้เมืองแบบที่มีค่าใช้จ่ายน้อยๆหน่อยก็ไม่ได้ ก็หวังว่าจะมีรัฐบาลที่รักเมืองอื่นๆนอกจากกอทอมอบ้าง และสามารถออกกฎหมายเด็ดๆมาเก็บตังค์กับผู้ประกอบการ ในเขตที่หากินนอกเขตปกครองพิเศษแต่ไม่ยอมจ่ายตังค์ค่าใช้ประโยชน์อย่างสุจริต ในขนาดภาษีที่เหมาะสม กับสภาพเนื้อที่ ในจำนวนที่เหมาะสมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่ที่ไม่ใช่เขตปกครองพิเศษบ้าง แปลกดีเหมือนกัน สนับสนุนให้ส่วนราชการย้ายออกมานอกเขตปกครองพิเศษ รวมทั้งหวังให้ผู้ประกอบการย้ายตามมาด้วย แต่พวกภาษีโซนนิ่งก็ยังตุบตับอยู่ คนที่มาอาศัยอยู่นอกกอทอมอ กลายเป็นเมืองชนบทไปได้ไงไม่รู้ ถนนที่มีรถสิบหกล้อวิ่งอยู่ประมาณวันละสิบถึงยี่สิบชั่วโมงเช่นนี้ ควรจะเป็นถนนระดับsuper highway ไม่ใช่ถนนน้อยๆสองเลนที่ทางหลวงชนบทกับออบอตอ ปล้ำปลุกซ่อมแล้วซ่อมอีกแบบนี้ วิ่งทีบ้านสะเทือน แปลกดีเหมือนกัน ทำงานแบบ ริมhighway มาเจอบ้านริมhighwayอีก และเป็นถนนที่เขาไม่ได้เอาไว้ให้รถใหญ่วิ่งไม่ใช่หรือนี่ ทำไงดีกับถนนประเภททางลัดนะเนี่ย หรือว่าต้องเก็บภาษีตามน้ำหนักรถ จากบริษัทแม่โดยตรง ส่งเข้าพื้นที่ท้องถิ่นที่วิ่งผ่านแบบโปร่งใส และให้เป็นค่าทำถนนดีๆกับทางหลวงชนบทเขา บางทียังคิดอยู่เหมือนกันว่า สมมุติ ว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานออกสู่ระบบเอกชนให้หมดคงดี เป็นบริษัทมหาชนให้หมด ผู้ถือหุ้นกระจายไปเฉพาะ ข้าราชการและวิสาหกิจเป็นหลัก กำไรให้เป็นโบนัสของราชการและวิสาหกิจ และให้เงินเดือนรายได้เขาสูงๆให้คุ้มกับงานที่เขาต้องรับผิดชอบคนทั้งประเทศหน่อยเถอะ ไม่ใช่ว่ารับผิดชอบสูงแต่รายได้ต่ำ ไม่พอกับคุณภาพที่ดีของชีวิต ภาคเอกชนมีผลกำไรมหาศาลแต่มีการแบ่งปันตามใจฉัน นอกเหนือจากรายได้ทั่ต้องจ่ายให้รัฐ ในขนาดที่เหมาะสมอย่างแท้จริง ความจำเป็นพื้นฐานของประเทศ ไม่มีกฎหมายมารองรับบังคับชัดเจน บางทีไม่รู้ว่าต้องกู้เขาแค่ไหน เพราะทรัพยากรในประเทศเรามีมาก แต่ไม่มีปัญญา ไม่มีทุน มาพัฒนา หรือไงไม่รุ้และการนำเงินที่เอาผลกำไรเขามาพัฒนาประเทศก็ต้องชัดเจนใส ไม่ใช่ว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีอำนาจต่อรอง เพราะมีสิทธิแค่เลือกตั้งอย่างเดียว แต่ไม่มีเงินทุนผลกำไรผลประกอบการในการต่อรองตามใจตามความประสงค์ หากไม่สามารถทำให้มันใสมันโปร่งว่าเอาจากเขามาทั้งบริจาคทั้งภาษีแล้วเอาไปทำอะไรตรงๆได้บ้าง หากเป็นไปได้ก็ให้พวกที่ทำมาหากินในพื้นที่ได้กำไรมากรายได้สูงนั่นแหละจ่ายสดไปเลย เช่นค่าทำถนน ค่าซ่อมถนน อะไรแบบนี้ อย่างนี้จะรักสาธารณูปโภคกันมากเลย ไม่อยากจะซ่อมบ่อย อาจจะบริจาคทำน้ำไฟสวนสาธารณะให้ทุกหมู่บ้านในตำบลก็ได้ ใครจะรู้ เอาแบบตรงๆ ไม่ต้องให้เขามากล่าวหาเรื่องคอรัปชั่น จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาวุ่นวายเรื่องงบประมาณประจำปีให้ยุ่งยาก ได้เท่าไหร่ก็ช่าง เพราะภาคเอกชนถูกบังคับจ่ายตามที่ตัวได้ประโยชน์ในพื้นที่อยู่แล้ว สมมุติ ขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ คนที่จะมาซื้อหุ้นหรือมามีส่วนได้เสียในหุ้นสาธารณูปโภคก็ต้องมีข้อบังคับเข้ม ไม่ให้มีส่วนได้เสียในการบริหารจัดการให้สาธารณะส่วนรวมเสียหาย อย่างนี้คงมีการรักสาธารณูปโภคพื้นฐานของเราดีขึ้นมากขึ้น เพราะทุกคนเป็นเจ้าของถนนน้ำไฟอะไรพวกนี้ อย่างแท้จริง รวมไปถึง เอกชน ภาครัฐ ทุกหมู่เหล่า บางทีอาจทำให้คนขับรถบนถนนก็จะบรรจงขนบรรทุกของไม่ให้เกินพิกัดที่ทำถนนเสีย เพราะมีหุ้นในทรัพย์นี้ในตลาดด้วย คนซ่อมก็บรรจงซ่อม ลงทุนซ่อมอย่างดีเต็มเม็ดเต็มมูลค่า หินปูนทรายได้มาตรฐานอย่างดี เพราะมีหุ้นกะเขาด้วย คนเก็บค่าผ่านทางก็บรรจงเก็บ ไม่มีมูลค่าที่หายไปไหนให้คนกล่าวหา ถึงเวลาปันผลประโยชน์จากมูลค่าหุ้น ก็รับสิ่งที่ตนสะสมนั่นแหละมาเป็นกำไรเงินเดือน ปันผล โบนัส พวกตลาดหุ้นตามพวกประเทศหมู่เกาะที่เจริญมากๆ บางพวกที่เขาทำอาชีพทุกชนิด ไม่เว้นแม้แต่แม่บ้าน ใครๆก็มีสิทธิเล่นหุ้น ที่จะทำกำไรทั้งนั้น ไม่เห็นต้องไปเล่นแต่หวยออนไลน์เลย ไม่รู้สิ รู้สึกว่าเมืองเราน่าจะเจริญในระดับนานาชาติแล้วนา

Contributors

Powered By Blogger